Contribution and Effort to Dementia
About Dr. Chan, Li-Chu
Curator of Hospital Museum, Changhua Christian Hospital
CEO, A Skin-Graft with Love Foundation
Chairman, Changhua Dementia Association
Script
ยินดีต้อนรับสู่ศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมภาคกลางวันของเราค่ะ
ดิฉันเป็นซีอีโอของมูลนิธิA Skin-Graft With Love
เป็นผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียน
และเป็นประธานสมาคมเลี่ยนเลี่ยนป้านเซี่ยนประจำจังหวัดจางฮั่วค่ะ
แล้วก็ทำอาชีพการสอนด้วย
โดยเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเฉาหยาง
เนื้อหาที่ดิฉันจะพูดในวันนี้
จะขอแนะนำมูลนิธิA Skin-Graft With Loveก่อน
จากนั้นจะแนะนำศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมภาคกลางวันทั้งสามศูนย์ของเรา
แล้วก็แชร์หลักการดูแลโดยรวมทั้งหมด
สุดท้ายก็จะแนะนำ
สายด่วนbbcallที่ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกที่จังหวัดจางฮั่ว
มูลนิธิA Skin-Graft With Loveเป็นมูลนิธิที่โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียนก่อตั้งขึ้น
ในปี1896
ตอนนี้ก่อตั้งมาเป็นเวลากว่า124ปีแล้ว
โดยดร.เดวิด แลนด์สโบโรห์ รุ่นที่สาม
เขาเดินทางจากอังกฤษมายังไต้หวัน
ในปี1928
คุณหมอเดวิดต้องการรักษาเด็กคนหนึ่งซึ่งไม่ได้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง
เด็กคนนั้นชื่อโจวจินเย่า
บาดแผลของเด็กคนนี้
อักเสบจนกลายเป็นภาวะกระดูกอักเสบ
ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว
คุณหมอเดวิดได้ตัดผิวหนังบริเวณขาของภรรยามาสี่แผ่น
มาปลูกถ่ายให้กับเด็กคนนี้
ดังนั้น
โรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียน
เพื่อทำให้เรื่องจริงเรื่องนี้
ไม่เป็นเพียงแค่เรื่องเล่าเท่านั้น
และเพื่อสืบทอดเรื่องนี้ต่อไป
จึงได้ก่อตั้งมูลนิธิA Skin-Graft With Loveขึ้น
ดังนั้นมูลนิธิA Skin-Graft With Love
จึงมีวิสัยทัศน์ ภารกิจ และจิตวิญญาณที่แน่วแน่
วิสัยทัศน์ของพวกเราคือกลายเป็น
หน่วยงานสวัสดิการสังคมมาตรฐานแห่งชาติ
ภารกิจของพวกเราคือสืบทอดการเสียสละและอุทิศตนให้ผู้อื่นเหมือนรักตัวเอง
ก็คือรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตัวเอง
จิตวิญญาณของพวกเราคือ
ให้บริการที่เป็นมืออาชีพอย่างต่อเนื่อง
และต้องเป็นบริการระดับห้าหัวใจด้วย
ห้าหัวใจนี้ก็คือ
ความรัก ความละเอียด ความอดทน ความตั้งใจ และความใส่ใจ
นี่ก็คือบริการอย่างมืออาชีพของพวกเรา
เพราะพวกเราจะเป็น
หน่วยงานสวัสดิการสังคมมาตรฐานแห่งชาติ
ดังนั้นพวกเราจึงได้เข้าร่วมTTQS
TTQSก็คือ
Taiwan Train Quali System
ก็คือการประเมินคุณภาพการฝึกอบรมไต้หวัน
เป็นการมาตรฐานประเมินบุคลากร
ที่กระทรวงแรงงานตั้งขึ้น
เพราะว่าพวกเราให้ความสำคัญกับการฝึกอบรมบุคลากรมาก
ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงได้รับ
รางวัลพัฒนาบุคลากรดีเด่นระดับชาติมาด้วย
นี่คือภาพตอนที่พวกเรา
ได้รับการประเมินคุณภาพ
การฝึกอบรมไต้หวันค่ะ
พวกเรามาดู
เส้นทางของมูลนิธิA Skin-Graft With Love
กับการบริการดูแลผู้สูงอายุทั้งระบบกันค่ะ
ตอนปี1993
พวกเราได้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยซงเหนียน
มหาวิทยาลัยซงเหนียนก็คือ ขอเพียงแค่อายุถึง55ปี เป็นคนสุขภาพแข็งแรง
ก็สามารถมาเรียนหนังสือที่นี่ได้
ดังนั้น
ที่นี่ก็เหมือนกับ
สถานีCที่กระจายไปทั่วไต้หวันในปัจจุบัน
ในปี2004
พวกเราก็เริ่มให้บริการตามบ้าน
ปี2005พวกเราเริ่มฝึกอบรม
เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการดูแลตามบ้าน
ปี2009
เพราะจำนวนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
โรคสมองเสื่อมจึงโถมเข้ามาประดุจคลื่นทะเลก็ไม่ปาน
ดังนั้นในปี2009
พวกเราจึงได้เริ่ม
การดูแลส่งเสริมสุขภาพผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม
ในปี2012
พวกเราได้ให้บริการสำหรับผู้ป่วยทุพพลภาพ
ก็คือบริการจัดการชีวิตด้วยตัวเองและบริการเพื่อนร่วมวัย
ในปี2013พวกเราได้ก่อตั้ง
ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุภาคกลางวันแห่งแรกของจังหวัดจางฮั่ว
นั่นก็คือศูนย์เว่ยอ้ายหลุน
ปี2013พวกเราเปิดบริการรถอาบน้ำเคลื่อนที่
หรือก็คือพวกเราจะขับรถอาบน้ำเคลื่อนที่ไปที่บ้านผู้ป่วย
แล้วอาบน้ำให้กับผู้ป่วยทุพพลภาพที่นอนติดเตียงเป็นเวลานานๆ
ปี2015
พวกเรามองเห็นความยากลำบากของผู้ดูแลผู้สูงอายุ
ดังนั้นพวกเราจึงเปิดบริการสนับสนุนผู้ดูแลผู้สูงอายุขึ้น
ปี2016 เป็นปีที่เริ่มใช้การดูแลผู้สูงอายุระยะยาว2.0
ทุกจังหวัดในไต้หวันจะมีหน่วยงานต้นแบบเพียงหนึ่งหน่วย
ในจังหวัดจางฮั่ว มูลนิธิA Skin-Graft With Love
ได้เป็นหน่วยงานต้นแบบของจังหวัด
ปี2017
พวกเราได้ร่วมกับโรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียน
วางแผนแพลตฟอร์มดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมด้วยกัน
ปี2018ได้ก่อตั้งศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมภาคกลางวันสาขาสอง
ตั้งอยู่ที่ต้าชุน
ที่นี่พวกเราได้จัดตั้งบริการจิ๋วแต่แจ๋วขึ้นมา
ปี2019 ศูนย์ดูแลสาขาสามก็ได้ก่อตั้งขึ้น
ตั้งอยู่ที่ผู่ซิน
โดยก่อตั้งร่วมกับสถานีอนามัย
พวกเรามีปณิธานที่ยึดมั่นเสมอในวงการผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม
นั่นก็คือหวังว่าผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมจะได้รับการดูแลอย่างครบวงจร
ดังนั้นพวกเราจึงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาทีมให้บริการดูแลตามบ้านตลอด24ชั่วโมง
จะเห็นได้ว่าในเส้นทางที่พวกเราเดินมา
พวกเราได้บุกเบิกเส้นทางในวงการดูแลผู้ป่วยสูงอายุมานานมาก
พวกเราจึงมีเป้าหมายที่ชัดเจนมากๆ
นั่นก็คือสุขภาพ คนที่มีภาวะพร่องสุขภาพ และคนที่มีภาวะเปราะบาง
หรือคนที่ทุพพลภาพอยู่แล้ว
พวกเราหวังว่าทุกคนจะมีสุขภาพดีด้วยกัน
สำหรับผู้ที่มีภาวะพร่องสุขภาพและผู้ที่มีภาวะเปราะบาง
พวกเราหวังว่าจะสามารถให้บริการที่อยู่เคียงข้างผู้ป่วยได้
สำหรับผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อมหรือมีภาวะเปราะบาง
พวกเราหวังว่าจะสามารถให้การดูแลอย่างครบวงจรได้
ดังนั้น
พวกเราจึงสร้างเครือข่ายดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมครบวงจรขึ้นมา
พวกเราให้บริการที่เป็นมืออาชีพ
แก่ผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อม
รวมถึงครอบครัวผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม แล้วก็ชุมชน
เป็นบริการที่ครบวงจร
ทำไมพวกเราถึงสามารถให้บริการมากมายขนาดนี้ได้
เพราะพวกเรามีแพลตฟอร์มร่วมกัน
เพราะพวกเรามีบุคลากรมืออาชีพ
มีโรงพยาบาลจางฮั่วคริสเตียน
มีมูลนิธิA Skin-Graft With Love
มีสมาคมเลี่ยนเลี่ยนป้านเซี่ยน
ต่อไปพวกเรามาดูศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมภาคกลางวันทั้งสามแห่งกันค่ะ
ศูนย์แรกคือศูนย์เว่ยอ้ายหลุน
ที่พวกเราก่อตั้งขึ้นในปี2014
ตั้งอยู่ที่ถนนหมินจู๋ในเมืองจางฮั่ว
ตอนนั้นยังไม่มีบริการจิ๋วแต่แจ๋ว
ดังนั้นพวกเราจึงรับดูแลได้เพียง30ท่าน
ศูนย์ที่สองคือศูนย์ที่ก่อตั้งขึ้นในปี2018
ตั้งอยู่ที่ต้าชุน เป็นศูนย์ที่รวมกับห้องสมุด
มีบริการจิ๋วแต่แจ๋วที่หลากหลายอเนกประสงค์
จึงสามารถรองรับได้40ท่าน
ศูนย์ที่สามเป็นศูนย์ที่ผู่ซินก่อตั้งในปี2019
เป็นศูนย์ที่ผสานกับสถานีอนามัยและฟิตเนสอ่อนวัย
และได้จัดตั้งบริการจิ๋วแต่แจ๋วด้วย
ดังนั้นที่นี่ก็สามารถรองรับได้40ท่านเช่นกัน
พวกเรามาดูศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมศูนย์ฯแรกกัน
ตั้งอยู่ที่ตัวเมืองจางฮั่ว
นั่นก็คือศูนย์เว่ยอ้ายหลุน
นี่คือศูนย์ดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมภาคกลางวันแห่งแรกในจังหวัดจางฮั่ว
เพราะจังหวัดจางฮั่วเป็นสังคมหมู่บ้านชาวนา
ดังนั้นตอนที่พวกเราสร้างศูนย์ดูแลแห่งนี้ขึ้นมา
พวกเราก็ตั้งใจออกแบบให้เป็นศูนย์ที่มีกลิ่นอายเก่าๆ
ดังนั้นเมื่อคุณเดินเข้าไปในศูนย์ฯ
คุณจะเห็นการตกแต่งแบบหมู่บ้านชนบทสมัยก่อน
มีพื้นที่กว้างขวางประมาณ330กว่าตารางเมตร
พวกเราได้สร้างพื้นที่นี้เป็นพื้นที่เรียนรู้ชีวิต
ดังนั้นภายในพื้นที่พวกเราได้จัดเป็น
อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย คมนาคม การศึกษา ความบันเทิง ความสวยงาม
เมื่อผู้สูงอายุเข้ามาในศูนย์ฯแล้ว
ก็จะเหมือนเดินเข้ามาในห้างฯเลย
ดังนั้นที่นี่คือสถานที่ที่ทำให้พวกเรารู้สึกว่า
ชีวิตและการเรียนรู้ได้เชื่อมเข้าหากัน
ศูนย์ดูแลที่สองก็คือ
ศูนย์เหลียนหม่าอวี้
ตั้งอยู่ในพื้นที่ชนบทในจังหวัดจางฮั่ว
นั่นก็คือต้าชุน
ศูนย์ฯนี้ได้ผสานรวมกับห้องสมุดต้าชุน
ที่นี่มีพื้นที่ที่ใหญ่มากๆ
ประมาณ475ตารางเมตร ไม่มีแบ่งห้อง
พวกเราได้ออกแบบที่นี่เป็นสไตล์ยุโรปเหนือ
ทำไมน่ะหรือ
เพราะว่า
ต้าชุนเป็นแหล่งผลิตองุ่น
ดังนั้นพวกเราจึงเอาบรรยากาศของต้าชุนทั้งหมด
มาสร้างเป็นบรรยากาศชนบทภายในศูนย์ฯ
แต่ว่าบรรยากาศทั้งหมดที่ว่าหรูหรากว่าโรงแรมห้าดาวอีกค่ะ
ภายในศูนย์ที่สองนี้
พวกเราได้จัดตั้งบริการจิ๋วแต่แจ๋วไว้
บริการจิ๋วแต่แจ๋วคืออะไร
ก็คือผู้สูงอายุนอกจากจะมาใช้บริการที่ศูนย์ฯแล้ว
ตอนที่ผู้สูงอายุไม่สามารถมาที่ศูนย์ฯได้
พวกเราก็สามารถให้บริการตามบ้านได้
ถ้าครอบครัวเกิดติดธุระตอนเย็น
มีความจำเป็นที่ต้องให้ผู้สูงอายุค้างคืนที่ศูนย์ฯ
พวกเราก็มีบริการดูแลข้ามคืน
ดังนั้นนี่คือบริการจิ๋วแต่แจ๋วที่มีความอเนกประสงค์
จะเห็นได้ว่าในบริการจิ๋วแต่แจ๋วของพวกเรานั้น
มีทั้งบริการดูแลตอนกลางวัน
บริการดูแลตามบ้าน
บริการดูแลข้ามคืน
แล้วพวกเราก็มีทีมบุคลากรมืออาชีพ
มาให้บริการข้างต้นที่กล่าวมาด้วย
นี่คือศูนย์ดูแลศูนย์ที่สามของพวกเรา
ตั้งอยู่ที่ผู่ซิน เป็นศูนย์ที่รวมสถานีอนามัยและฟิตเนสอ่อนวัยเข้าด้วกยัน
ผู้สูงอายุที่นี่มีความสุขมากๆ
พวกเขาสามารถเดินลงไปที่ห้องฟิตเนส
ใช้อุปกรณ์ต่างๆออกกำลังกาย
ศูนย์ที่สาม
พวกเราสร้างขึ้นมาแบบสไตล์โลกใต้น้ำ
ทำไมน่ะหรือ
เพราะที่นี่เมื่อเทียบกับศูนย์ต้าชุนแล้วเล็กกว่ามาก
อีกทั้งเพดานค่อนข้างเตี้ย
เพื่อไม่ให้ผู้สูงอายุรู้สึกอึดอัดขณะที่อยู่ในศูนย์ฯ
พวกเราจึงออกแบบให้ศูนย์ฯมีบรรยากาศโลกใต้น้ำ
จึงเป็นสไตล์มหาสมุทร
เมื่อผู้สูงอายุเข้ามาในศูนย์ฯก็เหมือนเดินเข้ามาในโลกใต้น้ำ
เพราะทางเดินในศูนย์ฯนี้กว้างมาก
ดังนั้นพวกเราจึงออกแบบสไตล์ต่างๆไม่ซ้ำกันตรงบริเวณทางเดิน
พวกเราได้ออกแบบทางเดินเป็นปลาและผักผสมกัน
เมื่อผู้สูงอายุมาถึงที่นี่ก็สามารถปลูกผัก เลี้ยงปลาได้
กลายเป็นเป้าหมายที่ผู้สูงอายุจะมาที่ศูนย์ฯทุกวัน
พวกเขาสามารถมาดูผักที่ปลูกว่าโตขึ้นบ้างไหม
ปลายังอยู่ดีไหม
เป็นสิ่งแวดล้อมที่ดีมากๆเลยทีเดียว
พวกเราได้ทำสระแช่เท้าไว้ในศูนย์นี้ด้วย
พวกเราจะได้เห็น
ผู้สูงอายุเก็บผักที่พวกเขาปลูกเอง
เก็บผักเยอะแยะเลย หลังจากนั้นก็เอามาทำอาหารเองแบบDIY
ในพื้นที่นี้พวกเราได้ทำสระแช่เท้าเอาไว้
ผู้สูงอายุมีความสุขมากค่ะ
เจ้าหน้าที่มืออาชีพจะนวดและแช่เท้าให้ผู้สูงอายุ
ซึ่งสามารถลดความเครียดของผู้สูงอายุได้
ต่อไปจะเล่าถึงปณิธานการดูแลทั้งหมดของพวกเรา
ปณิธานการดูแลของพวกเรา
คือเน้นไปที่ผู้สูงอายุที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม
เน้นไปที่ตัวผู้สูงอายุ
ไม่ใช่เน้นไปที่โรคของเขา
สิ่งที่พวกเรามอบให้คือ
การมองเห็นสิ่งที่ผู้สูงอายุทำได้
ดังนั้นบรรยากาศในศูนย์จึงออกแบบมาให้คล้ายบ้าน
พวกเราจะไม่ทำกิจกรรมกลุ่มขนาดใหญ่
แต่พวกเราจะให้บริการแบบหน่วยย่อยUnit Care
พวกเราให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือตัวเองในชีวิตประจำวันของผู้สูงอายุมาก
แล้วก็ให้บริการเฉพาะบุคคลด้วย
พวกเราต้องการรักษาสมรรถภาพที่ดียิ่งกว่าของผู้สูงอายุ
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญกับการมีปฏิสัมพันธ์ในชุมชนด้วย
พวกเราชะลออาการเสื่อมสมรรถภาพในผู้สูงอายุอย่างไร
นี่คือช่วงเวลาเดียวของทุกวันที่พวกเราจะให้ผู้สูงอายุทำกิจกรรมร่วมกัน
เฉลี่ยประมาณ40-50นาที
พวกเราจะฝึกความสามารถร่างกายช่วงล่างของผู้สูงอายุ
เสริมสร้างกล้ามเนื้อของพวกเขา
ดังนั้นทุกวันตอนเช้า
พวกเราจะให้ผู้สูงอายุทำกายบริหารช่วงล่างต่างๆ
และจัดการฝึกที่ผู้สูงอายุทำได้โดยง่าย
เพื่อรักษาสมรรถภาพร่างกายของผู้สูงอายุ
พวกเราก็จะสอนให้ผู้สูงอายุทำงานที่พวกเขาคุ้นเคยกันอยู่แล้วบ้าง
ให้ผู้สูงอายุมาเลือกผัก แกะข้าวโพด ล้างผัก และจัดระเบียบห้องครัว
อาม่าคนนี้ในรูป
แต่ก่อนทุกวันประมาณบ่ายสามโมงกว่า
แกจะร้องว่าอยากกลับบ้าน
ซึ่งมีสาเหตุมาจากอาการซันดาวน์
แกชอบจัดการงานบ้านมาก
ดังนั้นพวกเราจึงให้แกไปดูแลห้องครัวในช่วงเวลานั้น
ตั้งแต่นั้นมาแกก็ไม่เคยมีอาการซันดาวน์อีกเลย
ทุกสัปดาห์จะมีกิจกรรมทำอาหารDIYอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
พวกเราจะให้ผู้สูงอายุ
ทำอาหารที่พวกเขาชอบกันในห้องครัวจริงๆ
ผู้สูงอายุชอบทำคุกกี้และเค้กกันอย่างมาก
พวกเขายังผัดไข่และทำเค้กถั่วเขียวเองด้วย
ผู้สูงอายุของพวกเราเก่งมากๆค่ะ
พวกเรายังออกแบบกิจกรรมตามความชอบของผู้สูงอายุด้วย
จะเห็นได้ว่าผู้สูงอายุท่านนี้กำลังสร้างสรรค์งานศิลปะอยู่
อีกท่านหนึ่งกำลังดูอัลบั้มรูปอยู่
ส่วนอีกท่านก็กำลังเขียนพู่กันจีน
กลุ่มที่ชอบร้องเพลงก็กำลังร้องคาราโอเกะอยู่
แล้วผู้สูงอายุกลุ่มนี้กำลังทำอะไรกันอยู่ กำลังเต้นระบำพื้นเมืองค่ะ
พวกเราให้ความสำคัญกับความสนใจของผู้สูงอายุมาก
ดังนั้นพวกเราจะจัดการอบรมที่แตกต่างกันไปและสอดคล้องกับความต้องการของพวกเขา
รูปนี้คือผู้สูงอายุกำลังสร้างสรรค์ภาพวาด
รูปนี้คือผู้สูงอายุกำลังแช่เท้า
ดูสิคะ พวกเราให้
ผู้สูงอายุใช้มาส์กบำรุงหน้าด้วยนะ
กลุ่มผู้สูงอายุนอนเรียงกันมาส์กหน้าอย่างมีความสุข
พวกเราจะเห็นว่ากลุ่มผู้สูงอายุกลุ่มนี้
เหมือนกับอยู่ในร้านเสริมสวย
พวกเราสอนผู้สูงอายุจัดดอกไม้
แล้วผู้สูงอายุท่านั้นทำอะไร สบู่หอมแฮนด์เมดค่ะ
พวกเราใช้ดนตรีบำบัดด้วย
จะเห็นว่าพวกเราได้สอนให้ผู้สูงอายุตีกลอง
ตอนที่พวกเราใช้ดนตรีบำบัด
พวกเราก็จะให้ผู้สูงอายุใช้เครื่องดนตรีด้วย
พวกเราให้ความสำคัญกับกิจกรรมเฉลิมฉลองเทศกาลเป็นอย่างมาก
รูปนี้เป็นช่วงเทศกาลฮาโลวีนพอดี
พวกเราก็จัดกิจกรรมฮาโลวีนที่ออกแบบมาสำหรับผู้สูงอายุ
รูปนี้คือเทศกาลโคมไฟ ผู้สูงอายุกำลังทำบัวลอยอยู่
ต่อไปเป็นเทศกาลคริสต์มาส
ผู้สูงอายุแต่งตัวเป็นซานต้าคลอสเอง
แจกจ่ายลูกกวาดให้ผู้สูงอายุทุกท่าน
รูปนี้เป็นช่วงตรุษจีนพอดี
ผู้สูงอายุเขียนกลอนคู่ด้วยตัวเอง
พวกเราให้ความสำคัญกับปฏิสัมพันธ์ในชุมชนอย่างมาก
พวกเราได้เชื่อมต่อชุมชนจำนวนมาก
ไม่เพียงแค่เด็กอนุบาล เด็กมัธยม และเด็กมหาวิทยาลัย
แต่ยังมีกลุ่มมืออาชีพในชุมชน
ที่จะมาทำการแสดงให้ผู้สูงอายุในศูนย์ดูอยู่บ่อยๆ
มาแชร์ความสุขร่วมกับผู้สูงอายุ
พวกเราก็ให้ความสำคัญกับเด็กๆจากโรงเรียนอนุบาลอย่างมาก
การเรียนข้ามรุ่นเป็นตัวอย่างการเชื่อมต่อที่ดีมากๆตัวอย่างหนึ่ง
ดังนั้นพวกเราจึงให้ความสำคัญกับการพาเด็กอนุบาลมาที่ศูนย์มากๆ
ฉันคิดว่าการปลูกฝังเด็กๆว่าควรจะรักผู้สูงอายุอย่างไรเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ผู้สูงอายุรักเด็กๆมาก
ดังนั้นการเรียนข้ามรุ่นเป็นการฝึกฟื้นความทรงจำที่หายไปได้ดีมาก
จะเห็นได้จากรูปกลางว่ากลุ่มนี้กำลังแสดงเป็นตัวตลกแล้วก็เล่นมายากลอยู่
และพวกเราก็ให้ความสำคัญกับการให้ผู้สูงอายุออกไปสัมผัสกับชุมชนข้างนอก
พวกเราจะพาผู้สูงอายุไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด
คุณจะเห็นว่าทางเดินนี้ยาวมากๆ
ทางเดินนี้น่าจะเป็นทางเดินสำหรับคนพิการที่ยาวที่สุดในไต้หวัน
มันอยู่ข้างหน้าศูนย์ดูแลเหลียนหม่าอวี้นั่นเอง
รูปนี้เป็นรูปทีมสนับสนุนครอบครัวออกไปเที่ยวทัศนศึกษา
และทุกเดือนกันยายนของทุกปีจะเป็นเดือนโรคสมองเสื่อมนานาชาติ
ผู้สูงอายุทุกท่านต่างเป็นตัวเอกของพวกเรา
ทุกปีจะออกแบบการแสดงที่ไม่ซ้ำรูปแบบออกมา
ปีนี้พวกเขาใส่ชุดชนพื้นเมืองแล้วแสดงตีกลอง
รูปนี้เป็นรูปผู้สูงอายุออกไปเที่ยวด้วยกันค่ะ
สุดท้ายนี้ดิฉันจะพูดถึง
เรื่องสายด่วนคุ้มครองbbcall ที่ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในจังหวัดจางฮั่ว
สายด่วยคุ้มครองbbcallคืออะไร
ตอนที่พวกเราดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม
ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมมักจะลืมทางกลับบ้านอยู่บ่อยๆ
ดังนั้นผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมจะหลงทาง ลืมทางกลับบ้านบ่อย
ดังนั้นในขั้นตอนการดูแล
พวกเราต้องทำอย่างไรจึงจะทำให้ผู้สูงอายุไม่เดินหลงไป
จึงเป็นภารกิจหลักของพวกเรา
พวกเราคิดว่าถ้าผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมทุกคนมีมือถือติดตัวแล้ว
ก็จะไม่เดินหลงอีกใช่ไหมคะ
แต่พวกเราไม่สามารถทำให้ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมทุกคนมีมือถือติดตัว
ดังนั้นพวกเราจึงให้คนที่มีมือถือทุกคน
มาช่วยคุ้มครองผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมแทน
เพียงแค่กดค้นหาสายด่วนbbcall
ก็สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นมาติดตั้งได้
เพียงแค่นี้ก็สามารถคุ้มครองผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมด้วยกันได้แล้ว
พวกเราได้ร่วมมือกับรัฐบาลเมืองจางฮั่ว
ก่อตั้งสายด่วนคุ้มครองbbcallเป็นที่แรกในไต้หวัน
หลังจากนั้นพวกเราก็แจกเครื่องส่งสัญญาณให้กับผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมทั่วทั้งจังหวัดจางฮั่ว
เครื่องส่งสัญญาณนี้สามารถเชื่อมกับแอพพลิเคชั่นบลูทูธในมือถือได้ ช่วยทำให้รู้ตำแหน่งผู้ของสูงอายุ สามารถค้นหาตำแหน่งของผู้สูงอายุได้
ปกติผู้สูงอายุจะไม่ค่อยยอมพกเครื่องส่งสัญญาณ
ดังนั้นพวกเราได้ร่วมมือกับบัตรiPass
ทำให้เครื่องส่งสัญญาณนี้สามารถเติมเงินได้ด้วย
ต่อให้ผู้สูงอายุเดินหลงไปแล้วก็ยังสามารถไปซื้อของได้ที่ร้านสะดวกซื้อ
หลังจากซื้อของแล้วเครื่องส่งสัญญาณนี้ก็จะเช็คอินตำแหน่งนั้นไว้
แอพพลิเคชั่นนี้ยังสามารถระบุตำแหน่งได้ด้วย
ถ้าผู้สูงอายุพกเครื่องส่งสัญญาณ และครอบครัวได้ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นไว้แล้ว
ก็จะสามารถดูประวัติตำแหน่งที่ผ่านมาได้
ถ้าผู้สูงอายุเดินหลงหายไป
พวกเราก็สามารถส่งข้อความในกลุ่มให้ทุกคนช่วยหาได้
สามารถติดต่อพูดคุยกันภายในกลุ่มได้
เนื่องจากผู้สูงอายุมักจะไม่พกเครื่องส่งสัญญาณ
ดังนั้นในปีที่สอง พวกเราจึงเพิ่มป้ายผ้าQR Codeเข้าไป
ป้ายผ้านี้สามารถเย็บติดกับเสื้อหรือกระเป๋าของผู้สูงอายุได้
หรือตรงอื่นๆที่ผู้สูงอายุชอบ
ถ้าเราเห็นผู้สูงอายุที่มีป้ายผ้านี้เดินอยู่ข้างนอก
หรือมีผู้สูงอายุท่านใดต้องการความช่วยเหลือล่ะก็
เพียงแค่พวกเราสแกนQR Code
ก็จะสามารถเห็นข้อมูลติดต่อเบอร์โทรศัพท์ของครอบครัวเขาได้
แบบนี้ก็จะสามารถหาตัวผู้สูงอายุเจอตั้งแต่ช่วงแรกที่เดินหายไป ก็จะหาเจอตั้งแต่เนิ่นๆ
หลังจากฟังที่ดิฉันบรรยายจบแล้ว
ทุกท่านรู้สึกไหมคะ ว่าผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมในจังหวัดจางฮั่วช่างมีความสุขเหลือเกิน
พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยค่ะ
ต่อไปพวกเรามาชมคลิปวิดีโอกันค่ะ
หลังจากดูคลิปวีดีโอจบแล้วทุกท่านรู้สึกตื้นตันไหมคะ
ฉันคิดว่าที่ผ่านมา
พวกเราได้สร้างสถานที่ที่มีความรู้สึกเหมือนบ้าน
สอดคล้องกับสถานที่ที่ผู้สูงอายุชื่นชอบ
พวกเราใช้ความเป็นมืออาชีพสร้าง
การดูแลที่ตอบรับความต้องการของผู้สูงอายุ
ดิฉันเชื่อว่าถ้ามาถูกทาง การบริการก็จะครอบคลุมครบวงจร
ต่อให้ผู้สูงอายุจะเป็นโรคสมองเสื่อม
มูลนิธิA Skin-Graft With Loveจะยึดมั่นในการดูแลระดับมืออาชีพต่อไป
พวกเราอยู่เคียงข้างผู้สูงอายุซึ่งป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมมาโดยตลอด
ดิฉันเชื่อว่า เส้นทางของพวกเขาจะไม่เดียวดาย
พวกเรามามีส่วนร่วมในการคุ้มครองผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมด้วยกันนะคะ
ขอบคุณค่ะ